THAILAND BIODIVERSITY CENTER
มีหน้าที่ประสานงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล และติดตามตรวจสอบให้คำแนะนำด้านวิชาการจัดทำกฏเกณฑ์ มาตรฐาน หรือแนวปฏิบัติเพื่อประเมินและจัดการเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยทางชีวภาพ
จากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และ ใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2543

ข่าวความปลอดภัยทางชีวภาพ
จาก Crop Biotech Update, February 22, 2002
รายงานของสภาการศึกษาแห่งชาติ ด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพืชดัดแปลงพันธุกรรม
กรมวิชาการเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture-USDA) ได้รับรายงานจาก สภาการศึกษาแห่งชาติด้านวิทยาศาสตร์ (National Academy of Sciences-NAS) เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีหัวเรื่องของรายงานว่า " ผลของพืชดัดแปลง พันธุกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อม " รายงานนี้ได้ประมวลและประเมินการเปลี่ยนแปลงในโครงการการควบคุมดูแลของหน่วยตรวจสอบสุขภาพพืช และสัตว์ (Animal and Plant Health Inspection Service-APHIS) และให้คำเสนอแนะสำหรับการพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคต
รายงานของ NAS ได้ให้ความมั่นใจในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์เมื่อก่อนหน้านี้ว่า พืชดัดแปลงพันธุกรรมนั้นได้รับการควบคุมดูแลที่เข้มงวด มากกว่าพืชปกติ และไม่ได้มีความเสี่ยงอื่นใดที่มากไปกว่าพืชที่ได้จากการปรับปรุงพันธุ์ปกติ
และยังให้ข้อสังเกตุอีกว่า USDA มีความสามารถเต็มที่ ที่จะดูแลเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวได้มีการปรับ กฎระเบียบในกระบวนการตรวจสอบ ในแนวทางของการเปลี่ยนแปลงนี้ สหรัฐอเมริกาได้เน้นในเฉพาะบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ 3 กระบวนการ คือ การแจ้งให้ทราบ การอนุญาต และการยื่นคำร้องสำหรับสถานะภาพที่ไม่ต้องถูกควบคุม
APHIS ได้ปรับปรุงกระบวนการแจ้งให้ทราบด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะรวมข้อมูลอิสระทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะทำให้แน่ใจได้ว่า การทดสอบพืชดัด แปลงทางพันธุกรรมในแปลงไม่ได้นำไปสู่ผลต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ต้องการ ในรายงานมีแผนที่จะติดตามผลิตภัณฑ์ดัดแปลงพันธุกรรมที่มี ในทางการค้า เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในอนาคต
APHIS จะรับผิดชอบในการควบคุมการเคลื่อนย้าย การนำเข้า และการทดสอบในแปลงของพืชและจุลินทรีย์ดัดแปลงพันธุกรรม หน่วยงานนี้ เชื่อว่า รายงานของ NAS จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการควบคุมดูแลเทคโนโลยีชีวภาพในอนาคต
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จาก http://www.usda.gov

ICRISAT พัฒนาถั่วลิสงต้านทานไวรัส
สถาบันวิจัยพืชนานาชาติเขตกึงร้อนและแห้งแล้ง (International Crops Research Institute for the Semi-Arid Tropics-ICRISAT) กำลังพัฒนาถั่วลิสงดัดแปลงพันธุกรรม ที่ต้านทานต่อ peanut crump virus (PCV) โรคนี้ทำความเสียหาย ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกถั่วลิสงทั่วโลก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นโรคที่ที่พบมากในถั่วลิสงในอินเดียและอัฟริกาตะวัน ตก
PCV มีศักยภาพที่จะเข้าทำลายในพืชสำคัญๆ หลายชนิด เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวฟ่างไข่มุก อ้อย วัชพืชตระกูลหญ้า ต่างๆ พริก cowpea ถั่วหรั่ง และถั่วอาหารสัตว์อื่นๆ อาการของโรคจะพบลักษณะต้นแคระแกรนและเกิด chlorosis ที่ใบ
Dr. Philippe Delfosse นักไวรัสวิทยาของ ICRISAT ทำงานอยู่ที่ Niger กล่าวว่า PCV สามารถคงอยู่ในดินได้นานเป็นเวลาหลายปี ในรูปของ เชื้อราพาหะ Polymyxa graminis ที่สามารถสร้างสปอร์พักตัวที่มีความต้านทานสูง อีกปัญหาหนึ่ง คือ เชื้อจะถูกถ่ายทอดทางเมล็ดที่ถูก ทำลาย เป็นเพราะไม่มีถั่วลิสงที่ต้านทานต่อ PCV ที่ใช้ในทางการค้าสำหรับเกษตรกร การเขตกรรม เช่น การปลูกพืชดัก เช่นข้าวฟ่างไข่มุก และ ตามด้วยเวลาปลูกที่เหมาะสมจะช่วยลดการเกิดโรคได้
Dr. William Dar ผู้อำนวยการทั่วไปของ ICRISAT กล่าวว่า ได้ทำการทดสอบในโรงเรือน และหวังว่าจะทำให้ถั่วลิสงดัดแปลงพันธุกรรม สามารถใช้ในทางการค้าได้ในอีก 3 ปี เขาเพิ่มเติมว่า ICRISAT หวังที่จะมี pigeon pea และข้าวฟ่างดัดแปลงพันธุกรรมในอีก 5 ปีข้างหน้า
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ Dr. Philippe Delfosse ได้ที่ email: p.delfosse@cgiar.org

เมล็ดฝ้ายดัดแปลงพันธุกรรมพันธุ์ใหม่คาดว่าจะมีในปี 2004
Dow AgroSciences ประกาศในการประชุม US Annual Beltwide Cotton Insect Research and Control ว่า เขาจะปล่อยผลิตภัณฑ์ดัดแปลงพันธุกรรมพันธุ์ใหม่ในปี 2004 โดยบริษัทหวังที่จะนำลักษณะที่ต้านทานแมลงในวงกว้างเข้า ไปในฝ้าย ฺBacillus thuringiensis หรือฝ้ายบีที มียีน cry1F และ cry1Ac ที่สามารถต้านทานแมลงศัตรูที่สำคัญในกลุ่ม lepidopterous รวมถึง bollworms, tobacco budworms, pink bollworms, atmyworms และ loopers
John Sobek ผู้นำธุรกิจระดับโลกของ แผนกเทคโนโลยีชีวภาพพืชเส้นใยของ Dow AgroSciences กล่าวว่า ผลจากการทดสอบในแปลงเป็นที่ น่าสนใจ บริษัทตั้งใจที่จะยื่นการจดทะเบียนทั้งชุดสำหรับลักษณะใหม่นี้ในปลายปี 2002 เขาเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของวงเงิน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐที่ได้มอบให้กับเทคโนโลยีชีวภาพ

อูกานดาเห็นด้วยที่จะปลูกฝ้ายบีที
แม้จะมีความไม่แน่ใจในประเทศ รวมถึงจากเจ้าหน้าที่ของรัฐขององค์กรพัฒนาฝ้าย (Cotton Development Organization) รัฐบาลของอูกานดา มีแผนที่จะปลูกฝ้ายบีทีเป็นการค้า ซึ่งกล่าวโดย รัฐมนตรีเกษตร Kisamba Mugerwa " ฝ้ายบีที จะได้รับการแนะนำต่อเมื่อเราเข้าใจลักษณะของฝ้าย และเมื่อฝ้ายบีทีปลูกได้ในที่อื่นๆ แล้วทำไม่จะปลูกที่นี่ไม่ได้ " เขาเน้น
ฝ้ายบีที จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมฝ้ายในอูกานดาซึ่งมีการผลิตลดลงจาก 500,000 เป็น 100,000 เบลล์ ต่อปี ฝ้ายเป็นพืชส่งออกที่สำคัญอันดับ 4 ของประเทศ รองจาก กาแฟ ปลา และชา

รูปแบบใหม่ ABC ที่จะส่งเสริมเทคโนโลยีชีวภาพ
เพื่อที่จะตอบสนองต่อการร้องขอของสาธารณะ ที่ต้องการให้มีข่าวสารที่สามารถเข้าถึงได้และ เปิดเผย เกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ บริษัทอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพด้านเกษตร 3 บริษัทหลัก คือ Monsanto, Syngenta และ Aventis จึงได้ ตั้ง สภาเทคโนโลยีชีวภาพด้านเกษตร (Agricultural Biotechnology Council - ABC) ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลที่ทันสมัยเกี่ยวกับเทค โนโลยีชีวภาพต่อสาธารณะ
Stephen Smith จาก Aventis กล่าวว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพมีเป้าหมายที่จะทำการเกษตรอย่างยั่งยืนด้วยการลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืช Tony Combes จาก Monsanto เพิ่มเติมว่า จากการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า สาธารณะให้การสนับสนุนต่อเทคโนโลยีชีวภาพที่ลดการ ใช้สารกำจัดศัตรูพืช สนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ และลดอาการแพ้ที่มาจากอาหาร
ABC จะไม่สนับสนุนเทคโนโลยีชีวภาพว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าวิธีทางการเกษตรอื่นๆ แต่อยากจะมีส่วนร่วมในการให้ความรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีชีว ภาพ


[เผยแพร่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2545]